สิ่งที่เฝ้าแสวงหา
หลังจากที่นั่งไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกโปร่ง โล่ง เบา สบาย เหมือนตัวเองหายไป แล้วก็เห็นดวงสว่างที่ใสเกินใส ใสยิ่งกว่าแก้วใดๆที่เคยเห็นมา แล้วดวงกลมก็ผุดซ้อนกันขึ้นมาเป็นสายเคลื่อนเข้าหาตัวลูก ในกลางดวงแก้วก็มีองค์พระผุดซ้อนกันเป็นสายเคลื่อนตัวขึ้นมา แล้วก็มาซ้อนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับลูก ตอนที่องค์พระผุดซ้อนกันขึ้นมา ลูกก็มองไปเรื่อยๆโดยที่ไม่รู้สึกเมื่อย แต่กลับมีความรู้สึกเต็มเปี่ยมความสุขทุกสัมผัส ปีติสุขจนน้ำตาไหล
เหตุเพราะมีกัลยาณมิตร
ภรรยาเจ้าของร้านก็ขอให้ทุกคนที่ร้านมาร่วมกันสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น พร้อมทั้งนั่งสมาธิก่อนเปิดร้าน และหลังจากปิดร้านแล้ว ครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง จะทำอย่างนี้ทุกวัน แล้วเจ้าของร้านได้บอกให้ลูกและเพื่อนที่ทำงานขึ้นไปปฏิบัติธรรมที่ภูเรือ ในร้านจะมีพนักงานอยู่ 2คน ซึ่งจะต้องสับเปลี่ยนกันไป
พลังที่หายไป
จนกระทั่งช่วงหลังนี้ ลูกมีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นกับตัวเอง คือ รู้สึกเหมือนกับว่าพลังในตัวค่อยๆ หายไป..หายไป...หายไป โดยลูกไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทั้งๆที่ลูกก็ออกกำลังกายทุกวัน มีร่างกายที่แข็งแรง แต่ทำไมยังรู้สึกว่าขาดพลัง
โลกนี้ต้องมีกัลยาณมิตร
ดิฉันรู้สึกว่า ตัวเองช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ ที่มีเพื่อนอย่างมีมี่ และอยากขอบคุณมีมี่ ที่พาดิฉันมาพบกับความสุขอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน มีมี่เป็นกัลยาณมิตรที่ดีสำหรับดิฉัน ที่ดิฉันจะลืมเธอไม่ได้เลย ดิฉันจึงเข้าใจคำว่า โลกนี้ต้องมีกัลยาณมิตร
ยอดทหารหญิงจักรพรรดิผู้จุดประกายพลังแห่งสันติภาพ
โครงการบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน หนึ่งแสนคน (ประเทศไทย)
แถลงข่าวคณะศิษยานุศิษย์หลวงพ่อธัมมชโย ถวายฎีการ้องทุกข์
Intermediate รุ่นแรกของโลก
ทุกคนที่มาล้วนมีความตั้งใจ แม้เริ่มตั้งแต่ตีห้า ก็มานั่งสมาธิ สวดมนต์ แผ่เมตตา โดยไม่ขาดเลยแม้แต่คนเดียว แล้วยังจะได้ร่วมตักบาตรในเช้าวันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ.2551 และปล่อยโคมลอยเป็นพุทธบูชาในวันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ.2551...ด้วย ทุกคน เคารพและศรัทธา พระเดชพระคุณหลวงพ่อมากๆ บางคนทำบุญหล่อรูปเหมือนทองคำ พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ เป็น M มาแล้วก็มี และต่างมุ่งมั่นจะเข้าถึงธรรมกันทุกคน ในวันนี้ จึงขอนำเสนอผลการปฏิบัติธรรม จากตัวแทนทั้งหมด 4คน ดังนี้
สมาธิ...จุดเริ่มต้นของดวงใจที่เจิดจรัส
โครงการปฏิบัติธรรมหนึ่งสัปดาห์ The Middle Way ในประเทศอินโดนีเซีย จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-30 มีนาคม พ.ศ.2554
กรมธรรม์ประกันชีวิต (ในสังสารวัฏ)
ลูกก็ไม่ได้ภาวนา “สัมมา อะระหัง” อีก เพราะใจหยุดเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไร เชื่อคำคุณครูไม่ใหญ่ที่บอกว่า มีอะไรให้ดูก็ดูกันไป ลูกยิ่งมององค์พระก็ยิ่งงาม ยิ่งมีความสุข เหมือนที่ลูกเคยได้ยินใครเคยบอกไว้ว่า “สุขจริงหนอ สุขจริงหนอ” มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ช่างเป็นความสุขที่ไม่อาจบรรยายได้ เป็นความสุขที่มาเติมเต็มให้กับชีวิต ไม่เหมือนความสุขแบบพร่องๆ อย่างที่เคยพบในทางโลก
ทางรอด ทางเดียว
ทุกศาสนามีความต้องการให้ทุกคนพบความสงบ เปี่ยมไปด้วยความรักและสันติภาพ ถ้าการฝึกสมาธิสามารถช่วยทุกคนได้ ผมคิดว่าทุกคนน่าจะได้ลอง ขอเพียงเรากำจัดความคิดที่ว่า ทำไม่ได้ ออกไป และเริ่มสัมผัสกับสมาธิอย่างต่อเนื่อง เราก็จะอยากทำสมาธิมากขึ้นเรื่อยๆ ความสุขก็จะเพิ่มแบบทวีคูณ เหมือนก้อนหิมะ ที่จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เวลากลิ้งลงมาจากภูเขาครับ