อภิณหชาดก ชาดกว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ
มีลูกสุนัขตัวหนึ่งพลัดหลงกับแม่ จากนั้นมันก็เดินหลงเข้าไปในโรงช้าง จากนั้นก็ได้อาศัยอยู่กินในโรงช้างจนเป็นที่รักใคร่สนิทสนมกับช้างต้นจนมีชายคนหนึ่งมารับลูกสุนัขไปเลี้ยงจึงทำให้ช้างต้นและลูกสุนัขมีอาการซึมเศร้าเพราะคิดถึงกันและกัน
สัจจังกิรชาดก ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญู
พระฤาษีได้ช่วยเหลือทุฏฐกุมารผู้มีใจโหดร้ายให้รอดพ้นจากกระแสน้ำที่ไหลหลาก แต่ทุฏฐกุมารกลับโกรธแค้นที่ฤาษีดูแลและให้ความสำคัญกับชีวิตสัตว์มากกว่าตน เลยผูกใจเจ็บและได้สั่งตัดหัวพระฤาษีทันทีเมื่อได้โอกาส
โรหนมิคชาดก ชาดกว่าด้วยความรักในสายเลือด
เมื่อหัวหน้าฝูงติดบ่วงพราน บริวารก็หนีกันกระเจิดกระเจิงไปจนหมด แต่น้องสองตัวของกวางขนทองหาได้หนีไปอย่างกวางตัวอื่น ๆ ไม่ มันกลับเข้ามาคลอเคลียกวางขนทองผู้เป็นพี่ โดยเฉพาะกวางน้องตัวผู้ซึ่งยังดูเยาว์วัย แต่จิตใจเสียสละน่าชมเชยยิ่งนัก ภาพน้องยืนปกป้องพี่ โดยมีน้องสาวคอยให้กำลังใจ ภาพที่เห็นนี้ทำให้นายพรานเปลี่ยนใจ พรานหนุ่มซาบซึ้งกับความรักความสามัคคีของพี่น้องสามตัวนี้ยิ่งนัก
พรหมทัตตชาดก ชาดกว่าด้วยผู้ขอกับผู้ถูกขอ
เมื่อทราบถึงเหตุผลที่ดาบสแจ้งให้ทราบแล้ว พระราชาถึงกับตะลึงงั้น ไม่คาดคิดมาก่อนว่า ด้วยสิ่งของเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดาบสถึงกับไม่กล้าเอ่ยปากขอมานานถึงสิบสองปี “ น่าเลื่อมใสจริง ๆ พระคุณเจ้าเมื่อเราได้ฟังคำของท่านแล้ว เราจะไม่ให้ท่านได้อย่างไร ท่านต้องอดทนลำบากไม่กล้าขอเรามาถึงสิบสองปี
กายนิพพินทชาดก ชาดกว่าด้วยความเบื่อหน่ายร่างกาย
รุ่งเข้าวันหนึ่ง ชายป่วยได้ตื่นเช้ากว่าปกติ เขาหันหน้าออกไปทางหน้าต่างเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ เขามองออกไปดูวิถีชีวิตของชาวบ้าน พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นพระภิกษุสงฆ์ออกมาบิณฑบาต แล้วเขาก็เกิดความคิดอย่างหนึ่ง “ จริงสินะ ชีวิตมันไม่เที่ยงจริง ๆ สังขารย่อมร่วงโรยเป็นธรรมดา ถ้าเราหายจากโรคนี้เราจะบวช ”
ขรัสสรชาดก ชาดกว่าด้วยบุตรที่มารดาละทิ้ง
วันหนึ่ง มีบัณฑิตผู้หนึ่งได้เดินทางไปพักที่ในหมู่บ้านนั้น เขาได้เห็นอำมาตย์ผู้นี้ เวลาจะเดินทางไปไหน ต้องมีคนตีฆ้องกลองนำหน้า มีบริวารห้อมล้อมเป็นที่เอิกเกริกใหญ่โต “ เวลาใดที่พวกโจรมาปล้นบ้าน เผาบ้านเรือน ฆ่าโคกิน แล้วจับเอาคนไปเป็นเชลยนั้น เมื่อนั้นบุตรธิดาละทิ้งแล้ว จึงมาตีกลองเสียงอึกทึก โดยแท้จริงอำมาตย์ผู้นี้เองเป็นคนทุจริต เป็นผู้สมคบกับโจร ”
สัตตปัตตชาดก ชาดกว่าด้วยความสำคัญผิด
ข้อวินัยให้สงฆ์สาวกปฏิบัติแต่ละบทนั้น มักเกิดขึ้นเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องไม่เหมาะสมเป็นกรณีๆ ไป พุทธกาลครั้งหนึ่งก็เป็นดังนั้น พุทธวินัยครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะพระฉัพพัคคีย์ 2 รูปล่วงพระวินัยข้อยึดถือในทรัพย์ มิได้ปล่อยวาง ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับกิเลส ภิกษุผู้ก่อเหตุที่ว่านี้ชื่อ พระปัณฑกะ และพระโลหิถกะ
กปิชาดก ชาดกว่าด้วยการโกหกหลอกลวง
ดาบสน้อยกำลังจะเอื้อมมือเปิดประตูให้แขกผู้มาขอพักหนาว ทันใดนั่นเองพระฤาษีผู้เป็นบิดาก็คว้าคบไฟชิงก้าวตัดหน้าออกไปก่อน “ ช้าก่อนดาบสน้อยของพ่อ อาคันตุกะตัวนี้มิใช่ฤาษีที่ไหนหรอกลูก หากแต่เป็นผู้หลอกลวงเรา ด้วยเอาหนังเสือและชฎาจากซากศพฤาษีที่ตายแล้วมาห่ม หวังพักผิงไฟแก้หนาวก็เท่านั้น ”
กุหกชาดก ชาดกว่าด้วยพูดดีได้เงินได้ทอง
เศรษฐีได้นำทองคำไปฝังไว้ใกล้ๆ บรรณศาลาของดาบส และได้ฝากฝังดาบสให้เป็นผู้ดูแลทองคำนั้น ดาบสปลอมหรือชฎิลโฏงได้ถือโอกาสขุดเอาทองคำของเศรษฐีในยามค่ำคืนไปแอบซ่อนไว้ที่อื่นจนหมดสิ้น
ทัพพปุบผาชาดก ชาดกว่าด้วยโทษของการโต้เถียงกัน
“ เป็นไงล่ะ ได้แต่ทะเลาะกันอยู่ได้ เห็นไหมส่วนลำตัวเลยกลายเป็นของเจ้าสุนัขจิ้งจอกไปเลย อดหม่ำกันทั้งสองตัวเลยเรา ” “ อดเลยเรา เราทั้งสองไม่น่าทะเลาะกันเลยเนอะ ที่จริงเรามาทานที่ลำตัวด้วยกันก็ได้นี่น่า ” “ นั่นนะสิ ไม่น่าเลย ” “ เพราะเรามาทะเลาะกัน ปลาชิ้นนั้นก็เลยตกเป็นของเข้าสุนัขจิ้งจอกไปเลย เจ็บใจจริง ๆ ไม่น่ามาทะเลาะกันเลย ”