ผู้มีปัญญา ไม่ประมาท
ผู้มีปัญญา ไม่ประมาท คือไม่มัวเมาในวัย ในอายุ และไม่มัวเมาในชีวิต ไม่เลินเล่อ ความผิดพลาดก็จะไม่เกิดขึ้น ในเมื่อบุคคลอื่นประมาท คือมัวเมาในวัยในอายุ และมัวเมาในชีวิต ทำให้เกิดความสะเพร่าเลินเล่อ ขาดสติสัมปชัญญะ ทำอะไรก็ผิดพลาด ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะผู้ประมาทนั้น ย่อมประสบแต่ความพินาศ แต่บุคคลผู้มีปัญญาดีนั้นไม่ประมาท ตื่นอยู่ทุกเมื่อ ในเมื่อผู้อื่นประมาทและหลับอยู่ ย่อมละทิ้งบุคคลผู้โง่นั้นไป เหมือนม้าที่มีฝีเท้าดี ย่อมวิ่งไปได้เร็ว ละทิ้งม้าตัวที่ไม่มีกำลังไปฉะนั้น
ทาน-ทางมาแห่งทรัพย์สมบัติ ความหมายของทาน
ทาน หมายถึง การให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่หวังผลตอบแทน เมื่อเราให้ทาน แม้จะไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทนก็ตาม แต่ก็จะมีบุญเกิดขึ้น และบุญนั้นจะช่วยออกแบบชีวิตของเราให้สมบูรณ์พร้อมด้วยทรัพย์สมบัติ
ทำไมลูกชายจึงเป็นคนโอเว่อร์แอ๊กทีฟ สมาธิสั้น คิดช้า มึนศีรษะบ่อยๆ และกรรมอะไรทำให้มีสิวทั่วตัว
ลูกชายของลูกเป็นเด็กสมาธิสั้น อยู่ไม่นิ่ง เป็นเด็กโอเว่อร์แอ๊กทีฟ คอยกวนทำให้เพื่อนๆ เสียสมาธิ ตอนนี้ลูกชายอายุ ๒๐ ปีแล้ว เวลาหงุดหงิดก็จะฟึดฟัด มึนศีรษะบ่อย และความคิดไม่แล่น อีกทั้งยังเป็นสิวทั่วตัวอีกด้วย
วัดพระธรรมกายชิคาโก จัดค่ายอบรม Youth Camp
วัดพระธรรมกายชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา จัดค่ายอบรม Youth Camp
อย่าหลอกกันดีกว่า
จงมาดูดัตภาพอันวิจิตร มีกายเป็นแผล อันคุมกันอยู่แล้วกระสับกระส่าย เป็นที่ดำริของชนเป็นอันมาก ไม่มีความยั่งยืนมั่นคง
ทบทวนโอวาทหลวงพ่อธัมมชโย บ่ายวันอาทิตย์ 11 สิงหาคม 2567
บุญที่เกิดจากการทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาแตกต่างกันอย่างไร ผลลัพธ์ที่ได้จากการบริจาคทาน การรักษาศีล และการเจริญภาวนา
ผู้ขัดขวางการสร้างบารมี
ชนเหล่าใด จักสำรวมจิต ที่ท่องไปในที่ไกลๆ เที่ยวไปดวงเดียว ไม่มีสรีระ มีถ้ำเป็นที่อาศัย ชนเหล่านั้น จะพ้นจากเครื่องผูกแห่งมาร
อธิษฐานขายบ้านได้ 9 หลัง
เรื่องราวของอานุภาพแห่งบุญ...ชายคนหนึ่ง ทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์ หลังจากทำบุญแล้ว ปรากฏว่า สามารถขายบ้านราคาหลังละ 7ล้านบาท ได้ครบจำนวนตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่มีวี่แววมาก่อนเลยว่าจะสามารถทำได้ เท่านั้นยังไม่พอ อยู่ๆเขายังได้บ้านราคาเกือบ 7ล้าน มาฟรีๆ แถมยังมีรถยนต์มาให้ใช้อีกด้วย...มาเรียนรู้เรื่องบุญ, ตัวแปรในการส่งผลของบุญ ในแบบของโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
อธิษฐานขายบ้านได้ 9หลัง
คิดผิดคิดใหม่ได้ (๓)
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กาล ๔ อย่างที่บุคคลบำเพ็ญโดยชอบ ให้เป็นไปโดยชอบ ย่อมให้ถึงความสิ้นอาสวะโดยลำดับ กาล ๔ นี้คือ การฟังธรรมตามกาล การสนทนาตามกาล การสงบตามกาล และการพิจารณาตามกาล กาล ๔ อย่างนี้ อันบุคคลบำเพ็ญโดยชอบ ให้เป็นไปโดยชอบ ย่อมให้ถึงความสิ้นอาสวะโดยลำดับ