ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 57
พระเจ้าวิเทหราชได้สดับคำตอบของมโหสถ ก็ยิ่งทรงทราบชัดถึงความเป็นไประหว่างแพะกับสุนัขที่ได้ทอดพระเนตรเห็นผ่าน ทางช่องพระแกล จึงทรงเข้าพระทัยว่า ราชบัณฑิตทั้ง ๕ ล้วนแทงตลอดในปัญหาด้วยปัญญาของตนทั้งสิ้น
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 44
ขอเดชะพระบารมีปกเกล้า ข้าพระพุทธเจ้าให้คนจัดการวิดน้ำและลอกโคลนเลนในสระโบกขรณีขึ้นแล้ว แต่จนป่านนี้แล้ว ก็ยังไม่พบแก้วมณีนั้นเลย พระพุทธเจ้าข้า ท้าวเธอก็ทรงเห็นด้วยว่าประหลาดจริงเชียว ธรรมดาเงากับตัวก็ย่อมจะอยู่คู่กัน มีเงาก็ต้องมีตัว เมื่อมีแสงแก้วก็ต้องมีดวงแก้ว แต่นี่เห็นแสงแว้บวับ แต่พอจะหา กลับไม่พบ เป็นไปได้อย่างไรกัน
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 43
เมื่อได้ชี้แจงที่มาที่ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อาจารย์เสนกะจึงออกคำสั่งให้เริ่มงานขุดลอกสระโบกขรณีแห่งนั้นในทันที “ท่านทั้งหลาย ขอพวกท่านจงพร้อมใจกันสนองงานแด่เจ้าเหนือหัวด้วยความอุตสาหะเถิด อย่าได้เห็นแก่ความเหนื่อยยากลำบากกันเลยนะ เอาละ!! เมื่อพร้อมกันแล้ว ก็เริ่มลงมือกันได้เลย”
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 38
พระราชกระแสที่ว่า “ให้ส่งม้าอัสดรหรือม้าตัวประเสริฐมาให้ ถ้าจัักส่งม้าอัสดรมาถวาย ก็จงมาเองด้วย แม้นจะส่งม้าตัวประเสริฐมา ก็จงส่งบิดามาด้วย” อันที่จริงก็หมายความว่า ท้าวเธอทรงมีพระประสงค์ให้ตนและบิดาไปพบ หาได้มีพระประสงค์อย่างอื่นไม่
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 37
มโหสถจึงได้ตกลงกับบิดาว่า “ขอให้ท่านพ่อพร้อมด้วยอนุเศรษฐีพันหนึ่งเป็นบริวาร จงเดินทางล่วงหน้าไปเฝ้าเจ้าเหนือหัวก่อน ..แต่ว่าเมื่อไปก็อย่าได้ไป มือเปล่า จงเอาผอบไม้จันทน์เต็มด้วยเนยใสติดมือไปถวายด้วย เมื่อพระราชาตรัสปฏิสันถารกับพ่อแล้ว ก็จักตรัสเรียกให้นั่ง ท่านพ่อก็จงหาที่นั่งอันสมควรเถิด
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 36
อาจารย์เสนกะและสหายปุโรหิต เมื่อได้ทราบข่าวด่วนจากพนักงานกรมวังว่า พระราชาทรงเสด็จกลับมาแล้ว ทั้งที่ยังไปไม่ถึงปาจีนยวมัชฌคาม ก็ยิ่งบังเกิดความฉงนใจ ใคร่จะรู้ว่ามีเหตุการณ์อันใดเกิดขึ้น ท้าวเธอถึงได้เสด็จกลับมาเร็วนัก แต่ในขณะเดียวกันก็พากันดีอกดีใจอยู่ที่ไม่น้อย ที่อย่างน้อยๆ ก็มีเหตุให้สามารถประวิงเวลาพระองค์ไว้ได้อีกชั่วระยะหนึ่ง อาจารย์เสนกะก็นึกกระหยิ่มใจว่า “คราวนี้เป็นทีของเราบ้างละ” จึงได้คิดหาเหตุผลเพื่อสนับสนุนสิ่งที่ตนทูลไว้ในครั้งก่อน
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 35
ความริษยานั้น เมื่อมันเข้าครอบงำใจบุคคลใด ก็ย่อมทำให้บุคคลนั้นมีจิตใจคับแคบ ทนไม่ได้เมื่อเห็นผู้อื่นได้ดีมีสุขกว่าตน เร่าร้อนอยู่ด้วยไฟแห่งริษยา จากคนที่มีปัญญามาก มีความสง่าผ่าเผย กลับต้องปิดบังซ่อนเร้นการกระทำที่ไม่ซื่อของตน ก็จะกลายเป็นคนอาภัพไร้ยศศักดิ์ในที่สุด
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 19
ฝ่ายอาจารย์เสนกะ เมื่อได้ยินว่าท้าวสักกเทวราชได้เสด็จมาเพื่อประกาศปัญญานุภาพของ มโหสถก็ยิ่งขุ่นเคืองใจ ครุ่นคิดแต่เพียงว่า ทำอย่างไรจึงจะสามารถยับยั้งพระองค์ไว้ได้ จึงกราบทูลคัดค้านและชี้แจงเหตุผลในทันที และถือโอกาศทดลองกำัลังปัญญาของมโหสถ มโหสถจะถูกทดลองปัญญาด้วยอะไรนั้น
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 7
ในที่สุดก็เลยถือเอาเหยี่ยวเป็นกีฬาไปเสียด้วย ว่าแล้วก็พากันวิ่งตามเหยี่ยวขู่ตวาดโห่ร้องเกรียวกราว เพื่อให้เหยี่ยวตกใจปล่อยชิ้นเนื้อลงมา ต่างคนต่างวิ่งไล่ตามกันสนุกสนาน แต่ก็พลอยได้รับความลำบากไปตามๆกัน เพราะขณะที่วิ่งตามเหยี่ยวไป ก็แหงนดูตัวเหยี่ยวไปพลาง แล้วมโหสถบัณฑิตจะสามารถหยุดเหยี่ยวได้หรือไม่
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 6
อาจารย์เสนกะจินตนาการไปไกลว่า “หาก มโหสถกุมารนี้ได้เข้ามาอยู่ในราชสำนักเมื่อใด เราก็คงหมดความสำคัญ แม้พระราชาก็จักทรงลืมเราไปเสียสิ้น ไม่ช้าเราก็จะตกต่ำหมดรัศมี แม้ลาภ ยศ บริวาร และความเป็นใหญ่ก็จะพลอยสูญสิ้น จำเราจะต้องกราบทูลทัดทานไว้ก่อน”