วิธีที่ง่าย ตรง เร็ว และลัดที่สุด
เมื่อออกจากสมาธิ กระผมไม่รู้สึกเพลียหรือเหนื่อยเลย มีแต่ความสุข ความเย็นใจ ที่ตามมาจากช่วงนั่งสมาธิ กระผมเคยสนใจฝึกสมาธิมาหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งผมได้มารู้ว่า เพียงแค่วางใจเบาๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่7 โดยไม่ต้องคิดอะไร กลับเป็นวิธีที่ง่าย ตรง เร็ว และลัดที่สุด
รักแท้ของหัวใจ และ รักสุดท้ายของชีวิต
แต่ก่อนลูกไม่ชอบฟังเทศน์ค่ะ ประมาณว่า ถ้าไปวัดไหนถวายไทยธรรมเสร็จแล้วกลับเลย แต่พอมาเจอหลวงพ่อ เปลี่ยน Concept ของตัวเองทันที เดี๋ยวนี้ชอบฟังธรรมะ ชอบฟังพระเทศน์ ฟังแล้วไม่เบื่อ มีความสุข ติดฟังหลวงพ่อ ยิ่งกว่าติดดูนิยายอีกนะเจ้าคะ
ใช้ชีวิตใหม่ ที่คุณออกแบบเองได้ด้วยตัวคุณ
วันหนึ่งตื่นขึ้นมาลูกก็คิดว่า เอ…นี่เราอยู่ที่ไหน ทำไมชีวิตเราเป็นอย่างนี้ ในเมื่อเราต้องเก็บกระเป๋าตลอดเวลา ต้องใช้ชีวิตตามที่ตารางบินกำหนด ของหรูๆที่มีอยู่ล้วนหมดความหมาย ให้ความสุขเราแค่ชั่วครั้งชั่วคราว ผิดกับเมื่อก่อนที่เคยรู้สึกว่ามันมีความหมายมาก เบื่อมากๆ ที่ต้อง Entertain กับเพื่อนอยู่เรื่อยๆ ไม่อาจหยุดตัวเองให้เลิกชีวิตแบบฟุ่มเฟือยได้ เบื่อไปทุกสิ่งทุกอย่าง
กลุ่มกัลยาณมิตร ในประเทศแอฟริกาใต้
เดี๋ยวนี้ผมรู้สึกแตกต่างไปจากแต่ก่อนมาก เหมือนโซ่เส้นโตที่ล่ามใจได้หลุดหายไปแล้ว เหมือนผมได้เกิดใหม่ในสภาพที่เท่าเทียม และปลดเรื่องความไม่ดี ให้หมดไปอย่างสิ้นเชิง ผมอยากจะแนะนำการฝึกสมาธิให้กับเพื่อนๆชาวแอฟริกันผิวสีทุกคน ซึ่งพวกเราเติบโตมาโดยไม่เคยรู้จักการฝึกสมาธิเลย ผมคิดว่าสมาธิจะทำให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้น และนำสันติภาพและความมั่นคงมาสู่ประเทศแอฟริกาครับ
อานุภาพพระเดชพระคุณหลวงปู่จากประเทศฝรั่งเศส "ทะลุมิติ มาได้ไง"
ตอนนั้นอัลเฟรด ร้องเสียงหลงดังลั่น ลูกก็ตกใจก็ร้องกรี๊ดตามไปด้วย ความรู้สึกมันเหมือนเรา Shock ไปเลย คิดว่าเราตายแน่ๆ แล้วความรู้สึกของลูกก็กลับมาอีกครั้ง เมื่อลูกได้ยินเสียงอัลเฟรดค่ะ อัลเฟรด พูดออกมาเป็นภาษาไทย ว่า “ขอบคุณครับหลวงปู่ ขอบคุณที่ช่วยผมครับ ขอบคุณมากๆครับ” พร้อมกับพนมมือท่วมหัว ส่วนตัวลูกกำลังหาย Shock มือไม้ยังสั่นอยู่ งงว่าเรากำลังอยู่ที่ไหน เรารอดตายจริงๆหรือนี่
อะไร...ที่ทำให้ต้องเปลี่ยนใจ
พออ่านไป...อ่านไป...ผมก็รู้สึกว่า มันโดนตัวเองอย่างจัง คิดว่า ทำไมมันช่างเหมือนความรู้สึกของผมเสียเหลือเกิน ผมโทรศัพท์ติดต่อผู้นำบุญทันที (ชื่อ พี่อ้อย เป็นคุณแม่ของ คุณองอาจ ธรรมนิทา) และนับจากวันนั้น ประตูใจที่ถูกปิดมานานเกือบ 20ปี ก็เริ่มแง้มเปิดขึ้น ทำให้ผมยอมมาวัดครั้งแรก เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ.2549 ซึ่งตรงกับช่วงธุดงค์ปีใหม่พอดี
แม้จะอยู่ห่างไกล แต่ DMC ก็ไปถึง
ตอนแรก ก็หาสัญญาณค่อนข้างจะยาก เพราะไม่เคยติดมาก่อน วันนั้นเป็นวันที่ครึกครื้นกันมาก ครึกครื้นด้วยจานดาวธรรม สามีของลูกก็มาช่วยติด พ่อกับแม่ของสามี ทั้งลูกทั้งหลานก็มายืนเชียร์เต็มไปหมด พอปรับทิศทางของจานไปสักพัก ก็เจอสัญญาณพอดี อัศจรรย์มากเจ้าค่ะ ภาพแรกที่ปรากฏหน้าทีวีคือ หลวงพ่อเจ้าค่ะ
สมาธิ...อัศจรรย์เกินจินตนาการ
มะเร็งลามจากต่อมน้ำเหลืองสู่ลำคอ แล้วลามต่อไปถึงปอด อันเป็นระยะสุดท้าย วินาทีนั้น...ลูกหวาดกลัวจนตัวสั่น หน้าซีดเหมือนไก่ถูกต้มสุก รู้สึกเคว้งคว้าง สับสน เหมือนหลงทางอยู่กลางป่าเพียงลำพัง หวั่นไหว หวาดกลัวมรณภัยที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ แต่ใครเล่าจะยอมตายจากลูกน้อยที่แสนรักแสนห่วงใย ตราบยังมีลมหายใจ ชีวิตย่อมมีความหวัง
เมื่อใจหยุด ใจสงบ ก็ได้พบคนที่คอยอยู่
พระพักตร์ขององค์พระซ้อนสนิท กลายเป็นใบหน้าของลูก ท่านซ้อนทับพอดีตัวลูก ท่านใสมากๆค่ะ ตอนนี้ลูกกลายเป็นพระ เราเป็นท่าน ท่านเป็นเรา แต่ก่อนลูกเคยฟังเพลง “เขาคอยคุณอยู่” ก็ไม่เข้าใจว่า “ใครนะที่จะคอยเราอยู่” แต่ตอนนี้ลูกรู้แล้ว เข้าใจแล้วว่า ใครคนหนึ่งที่คอยเราอยู่ คือ ใคร ลูกรู้สึกมีความสุขมากค่ะ
พระพุทธศาสนาไร้พรมแดน ตอนที่ 5
เมื่อพระอาจารย์แจ้งข่าวการบวชธรรมทายาทนานาชาติ ผมตัดสินใจได้ทันที เพราะผมตระหนักดีว่า “นี่คือโอกาสทองที่จะได้เรียนรู้สมาธิให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และได้ศึกษาพระพุทธศาสนาแบบดั้งเดิมในดินแดนของชาวพุทธ ได้รู้จักกับวัฒนธรรมชาวพุทธจากพุทธศาสนิกชนในประเทศไทย”