ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 63
พระนางอุทุมพรเทวีจึงทรงดำริในพระทัยว่า “มโหสถน้องชายของเราเติบโตเป็นหนุ่มแล้ว ทั้งมีตำเเหน่งเป็นถึงราชบัณฑิต บัดนี้จึงสมควรที่เธอจะมีคู่ครองได้แล้ว”
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 50
ขณะที่กำลังเสด็จผ่านต้นมะเดื่อนั้น ท้าวเธอก็ทรงทอดพระเนตรเห็นนางนั่งอยู่ลำพังผู้เดียวบนคาคบต้นมะเดื่อ จึงทรงขอเหนี่ยวพระคชาธารให้หยุดรอ ขณะที่เหล่าข้าราชบริพารที่เหลือ ต่างพากันจ้องมองนางอย่างไม่กระพริบตา
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 45
ทันทีที่มโหสถมาถึง ก็รีบมุ่งตรงไปที่ริมขอบสระ ยืนจ้องมองดูแสงแก้วมณีนั้นอย่างพินิจพิจารณา แม้นสระโบกขรณีนั้นจะกว้างใหญ่สักเพียงใดก็ตาม แต่พอมโหสถสังเกตดูเพียงครู่เดียว ก็รู้ทันทีว่า แสงที่เห็นนั้นมิใช่แสงที่พวยพุ่งขึ้นมาจากสระอย่างแน่นอนแท้ที่จริงคงเป็นเพียงเงาสะท้อนของดวงแก้วมณีเท่านั้น แต่ปัญหาที่ยากยิ่งกว่านั้นก็คือ “แล้วแก้วมณีนั้นเล่า ตั้งอยู่ ณ ที่แห่งใดกัน”
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 44
ขอเดชะพระบารมีปกเกล้า ข้าพระพุทธเจ้าให้คนจัดการวิดน้ำและลอกโคลนเลนในสระโบกขรณีขึ้นแล้ว แต่จนป่านนี้แล้ว ก็ยังไม่พบแก้วมณีนั้นเลย พระพุทธเจ้าข้า ท้าวเธอก็ทรงเห็นด้วยว่าประหลาดจริงเชียว ธรรมดาเงากับตัวก็ย่อมจะอยู่คู่กัน มีเงาก็ต้องมีตัว เมื่อมีแสงแก้วก็ต้องมีดวงแก้ว แต่นี่เห็นแสงแว้บวับ แต่พอจะหา กลับไม่พบ เป็นไปได้อย่างไรกัน
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 43
เมื่อได้ชี้แจงที่มาที่ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อาจารย์เสนกะจึงออกคำสั่งให้เริ่มงานขุดลอกสระโบกขรณีแห่งนั้นในทันที “ท่านทั้งหลาย ขอพวกท่านจงพร้อมใจกันสนองงานแด่เจ้าเหนือหัวด้วยความอุตสาหะเถิด อย่าได้เห็นแก่ความเหนื่อยยากลำบากกันเลยนะ เอาละ!! เมื่อพร้อมกันแล้ว ก็เริ่มลงมือกันได้เลย”
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 42
ครั้นท้าวเธอได้สดับดังนั้น ก็ทรงมีพระราชหฤทัยโสมนัสเปรมปรีด์ เพราะธรรมดาแก้วมณีนั้น ชื่อว่าเป็นของมงคลล้ำค่า และหาได้ยากยิ่ง ท้าวเธอจึงเปล่งพระอุทานขึ้นว่า “โอ...วันนี้ช่างเป็นวันมหามงคลจริงเชียว ไหนล่ะมณีรัตนะ ช่วยนำมาให้เราได้ทัศนาสักทีซิ”
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 36
อาจารย์เสนกะและสหายปุโรหิต เมื่อได้ทราบข่าวด่วนจากพนักงานกรมวังว่า พระราชาทรงเสด็จกลับมาแล้ว ทั้งที่ยังไปไม่ถึงปาจีนยวมัชฌคาม ก็ยิ่งบังเกิดความฉงนใจ ใคร่จะรู้ว่ามีเหตุการณ์อันใดเกิดขึ้น ท้าวเธอถึงได้เสด็จกลับมาเร็วนัก แต่ในขณะเดียวกันก็พากันดีอกดีใจอยู่ที่ไม่น้อย ที่อย่างน้อยๆ ก็มีเหตุให้สามารถประวิงเวลาพระองค์ไว้ได้อีกชั่วระยะหนึ่ง อาจารย์เสนกะก็นึกกระหยิ่มใจว่า “คราวนี้เป็นทีของเราบ้างละ” จึงได้คิดหาเหตุผลเพื่อสนับสนุนสิ่งที่ตนทูลไว้ในครั้งก่อน
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 29
พระราชาทรงปรารถนาจะเล่นชิงช้าพรวนทราย คือ ชิงช้าห้อยที่ทำด้วยเม็ดทรายเนื้อละเอียด ท้าวเธอทรงอ้างเหตุว่า ก่อนนั้นภายในพระราชสำนักเคยมีชิงช้าพรวนทรายอยู่อันหนึ่ง แต่บัดนี้เชือกทรายเส้นเก่าที่ใช้มานาน ก็เริ่มผุขาดลง พระองค์จึงต้องการให้ชาวปาจีนยวมัชฌคามได้ช่วยกันฟั่นเชือกทรายเส้นใหม่มาทำเป็นสายชิงช้า
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 27
ท่ามกลางมหาชนที่มารอรับฟังกันอย่างคับคั่ง “เรา..พระเจ้าวิเทหราช ปรารถนาจะเสวยข้าวเปรี้ยวรสเลิศ ที่หุงด้วยวิธีพิเศษ คือถึงพร้อมด้วยองค์ ๘ อันได้แก่๑.ไม่ให้หุงด้วยข้าวสาร ๒.ไม่ให้หุงด้วยน้ำปกติ ๓.ไม่ให้หุงด้วยหม้อข้าว ๔.ไม่ให้หุงด้วยเตาหุงข้าว ๕.ไม่ให้หุงด้วยไฟปกติ ๖.ไม่ให้หุงด้วยฟืน ๗.ไม่ให้หญิงหรือชายเป็นผู้ยกมา ๘.ไม่ให้นำมาตามทางเดิน
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 26
มโหสถทำท่าจะหัวเราะ แล้วก็ไม่กล่าวอะไรเลย จึงถามขึ้นว่า “พ่อมโหสถ พวกเราจะทำอย่างไรกันดี เห็นทีว่าคราวนี้คงต้องถูกปรับแน่ๆ ” พอถูกถามเช่นนั้น มโหสถจึงตอบพลางยิ้มอย่างเบิกบานว่า “ปัญหานี้ ไม่ว่าใคร ก็ไม่อาจจะแก้ได้ด้วยเหตุผลธรรมดาทั่วไป แต่จะพึงแก้ได้ด้วยการย้อนปัญหาเท่านั้น”