ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 31
พวกราชบุรุษชุดเดิมก็ได้ไปป่าวประกาศให้ชาวบ้านปา จีนยวมัชฌคามทราบว่า “เจ้าเหนือหัวมีพระราชประสงค์จะทรงเล่นน้ำในสระ ดังนั้น ขอให้ชาวบ้านปาจีนวยมัชณคามจงส่งสระโบกขรณีอันดารดาษด้วยบัวเบญจพรรณมาถวาย พระองค์ โดยให้นำมาไว้ในพระราชวัง ภายในชั่วเวลา ๗ วัน หากไม่อาจส่งมาได้ จักต้องถูกปรับสินไหมพันกหาปณะ”
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 29
พระราชาทรงปรารถนาจะเล่นชิงช้าพรวนทราย คือ ชิงช้าห้อยที่ทำด้วยเม็ดทรายเนื้อละเอียด ท้าวเธอทรงอ้างเหตุว่า ก่อนนั้นภายในพระราชสำนักเคยมีชิงช้าพรวนทรายอยู่อันหนึ่ง แต่บัดนี้เชือกทรายเส้นเก่าที่ใช้มานาน ก็เริ่มผุขาดลง พระองค์จึงต้องการให้ชาวปาจีนยวมัชฌคามได้ช่วยกันฟั่นเชือกทรายเส้นใหม่มาทำเป็นสายชิงช้า
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 28
ชาวบ้านปาจีนยวมัชฌคามได้อาศัยวิธีหุงต้มตามที่ มโหสถแนะนำ ในที่สุดก็สามารถช่วยกันหุงข้าวเปรี้ยวขึ้นมาได้สำเร็จตามพระราชประสงค์ ข้าวเปรี้ยวนั้นได้ถึงพร้อมด้วยองค์ ๘ ประการครบถ้วนบริบูรณ์ นั่นคือ ข้อ ๑ ในเมื่อไม่ให้หุงด้วยข้าวสาร ท่านสิริวัฒกะก็ให้จัดการหุงด้วยข้าวป่น และปลายข้าวที่ตำแหลกละเอียดแล้ว จึงไม่ชื่อว่าข้าวสาร
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 27
ท่ามกลางมหาชนที่มารอรับฟังกันอย่างคับคั่ง “เรา..พระเจ้าวิเทหราช ปรารถนาจะเสวยข้าวเปรี้ยวรสเลิศ ที่หุงด้วยวิธีพิเศษ คือถึงพร้อมด้วยองค์ ๘ อันได้แก่๑.ไม่ให้หุงด้วยข้าวสาร ๒.ไม่ให้หุงด้วยน้ำปกติ ๓.ไม่ให้หุงด้วยหม้อข้าว ๔.ไม่ให้หุงด้วยเตาหุงข้าว ๕.ไม่ให้หุงด้วยไฟปกติ ๖.ไม่ให้หุงด้วยฟืน ๗.ไม่ให้หญิงหรือชายเป็นผู้ยกมา ๘.ไม่ให้นำมาตามทางเดิน
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 26
มโหสถทำท่าจะหัวเราะ แล้วก็ไม่กล่าวอะไรเลย จึงถามขึ้นว่า “พ่อมโหสถ พวกเราจะทำอย่างไรกันดี เห็นทีว่าคราวนี้คงต้องถูกปรับแน่ๆ ” พอถูกถามเช่นนั้น มโหสถจึงตอบพลางยิ้มอย่างเบิกบานว่า “ปัญหานี้ ไม่ว่าใคร ก็ไม่อาจจะแก้ได้ด้วยเหตุผลธรรมดาทั่วไป แต่จะพึงแก้ได้ด้วยการย้อนปัญหาเท่านั้น”
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 24
ครั้นมโหสถกุมารและเหล่าสหายมาถึง ได้รับทราบเรื่องที่พระราชารับสั่งให้ร้อยเส้นด้ายใหม่เข้าไปในแก้วมณี จึงเอ่ยปากขอดูแก้วมณีดวงนั้น ครั้นรับมาไว้ในมือแล้ว ก็พลิกกลับไปกลับมา ตรวจตราพิจารณาดูอย่างถี่ถ้วน ในที่สุดจึงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า “ท่านพ่อขอรับ คงต้องยอมรับว่า ภาระกิจนี้เกินกว่าวิสัยที่พวกเราทุกคนจะสามารถทำได้อย่างแน่นอน”
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 23
มโหสถใช้เวลาครุ่นคิดเพียงชั่วครู่เท่านั้น ก็สามารถที่จะเฉลยคำตอบในทันทีว่า “เรื่องนี้ไม่ยากดอก อย่าเดือดเนื้อร้อนใจไปเลย เพราะอันที่จริง โคมงคลที่พระราชาตรัสถามถึง ทรงหมายเอาไก่สีขาวปลอดนั่นเอง เพราะตามธรรมดา ไก่ย่อมมีเขาที่เท้าคือเดือย มีโหนกที่ศีรษะคือหงอน และขันวันละ ๓ เวลาเป็นปกติ ฉะนั้น ท่านจงทำตามคำของเราก็แล้วกัน”
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 22
นับแต่นั้นมา พระเจ้าวิเทหราชก็ได้ผูกปัญหาส่งไปทดสอบชาวปาจีนยวมัชฌคามอย่างต่อเนื่องมิ ได้ขาด ทั้งนี้ทรงมีพระราชประสงค์จะวัดปัญญานุภาพของมโหสถบัณฑิตแต่เพียงผู้เดียว เท่านั้น แต่ครั้นจะทรงส่งปัญหาไปถึงมโหสถโดยตรง ก็เกรงว่าจะเป็นการจำเพาะเจาะจงจนเกินไป ดังนั้น จึงได้มอบให้เป็นภาระของชาวปาจีนยวมัชฌคามทุกคนที่จะต้องรับผิดชอบร่วมกัน แต่นับวันปัญหานั้นก็จะยิ่งทวีความยากขึ้นไปเรื่อยๆ
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 21
ไม้ท่อนนั้นแม้มองด้วยสายตาจะเห็นว่าเท่ากันทั้งสอง ด้าน แต่เมื่อได้วางลงไปในน้ำ แทนจะจมลงไปในน้ำเท่ากัน กลับกลายเป็นว่า ข้างหนึ่งกลับจมลงไปมากกว่าอีกข้างหนึ่ง เมื่อผลปรากฏเป็นเช่นนี้ มโหสถกุมารจึงชี้บอกมหาชนในที่นั้น ให้สังเกตดูลักษณะการจมลงของท่อนไม้ว่า
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 20
สิริวัฒกะเศรษฐีกล่าว พลางยื่นท่อนไม้ตะเคียนคืบหนึ่งส่งให้มโหสถดู “พระราชาทรงมีพระบรม ราชโองการมา ให้พวกเราพิจารณาท่อนไม้นี้ว่า ทางไหนเป็นโคน ทางไหนเป็นปลาย แม้นไม่รู้จะทรงปรับสินไหม 1000 กหาปณะ เราทุกคนในที่นี้ ต่างจนปัญญาไปตามๆกัน ยังไม่อาจจะชี้ได้เลย ว่าทางไหนเป็นโคน ทางไหนเป็นปลาย ลูกพอจะรู้ได้ไหมล่ะ”